- สารกันเสียจากสมุนไพรในเครื่องสำอาง
- ความหมายของเครื่องสำอาง
- ส่วนประกอบหลักในเครื่องสำอาง
- ความหมายของสารกันเสีย
- ชนิดของสารกันเสีย
- ลักษณะที่ดีและการเสื่อมของสารกันเสีย
- อันตรายที่เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง
- ความสำคัญของพืชสมุนไพร
- คุณสมบัติของพืชสมุนไพรในการรักษาในด้านต่างๆ
- ตัวอย่างพืชสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการนำไปใช้เป็นสารกันเสียในเครื่องสำอาง
- การประเมินประสิทธิภาพของสารกันเสียในผลิตภัณฑ์
- ตัวอย่างความเหมาะสมของช่วงอายุครีมกับสารกันเสีย
- วิธีการเก็บรักษาเครื่องสำอาง
- บทสรุป
- อ้างอิง
- All Pages
Page 10 of 15
ตัวอย่างพืชสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการนำไปใช้เป็นสารกันเสียในเครื่องสำอาง (Quirin, KW., 2007)
พืชสมุนไพรที่มีการทดลองแล้วว่า สามารถนำมาเป็นสารกันเสียในเครื่องสำอางได้ มีดังต่อไปนี้
1. St John's wort
เป็นพืชสมุนไพรชนิดใหม่ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hypericum perforatum ตั้งแต่อดีต St John's wort มีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นแผลไหม้ แผลเปื่อยและเกิดจากการโดนสัตว์กัดต่อย เมื่อไม่นานมานี้พบว่า มีฤทธิ์ในการรักษาความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น อาการซึมเศร้า
องค์ประกอบทางเคมี : ที่สำคัญมี 2 กลุ่ม (อนุชิต พลับรู้การ, 2553) คือ
1) กลุ่ม naphthodionthrones ได้แก่ hypericin และ acylphloroglucrinols
2) กลุ่ม phloroglucinols ได้แก่ hyperforin และ adhyperforin
ในปี 1951 สิทธิบัตรของสหรัฐได้ยินยอมให้นำ Hypericum perforatum มาใช้เป็นสารกันเสียในอาหาร เนื่องจากพบว่า มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อ staphylococcus aureus, Bacillus niger และ Clostridium spogenes หลังจากนั้นได้มีการระบุโครงสร้างทางเคมีในปี 1975 และได้นำสารสกัดจาก hypericum ไปใช้ใการรักษาบาดแผล อาการแพ้ อาการคันของผิวหนัง เป็นต้น ลักษณะดอกของ St John's wort เป็นดังภาพที่ 2

ภาพที่ 2 ลักษณะดอกของ St John's wort
2. Curcuma xanthorrhiza
Curcuma xanthorrhiza หรือว่านชักมดลูก แสดงลักษณะดังภาพที่ 3 และ โครงสร้างทางเคมีดังภาพที่ 4 มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย เป็นพืชพื้นเมืองของจาวา บาหลี และ Moluccas
องค์ประกอบทางเคมี : มีดังต่อไปนี้ (สนั่น ศุภธีรสกุลและฉัตรชัย วัฒนาภิรมย์สกุล, 2553)
1. กลุ่ม curcuminoids เช่น curcumin, desmethoxycurcumin, bisdesmethoxycurcumin
2. กลุ่ม diarylheptanoids เช่น tran-1,7-diphenylhepten-5-ol, trans-1,7-diphenyl-1,3-heptadien-4-one
3. กลุ่ม sesquiterpenes เช่น xanthorrhizol, germacrone, curzerenone, alpha-curcumene
ว่านชักมดลูกมักนำไปใช้ในกรณีที่มีกลิ่นปาก ในการศึกษาเกี่ยวกับพฤกศาสตร์พื้นบ้านพบว่า ว่านชักมดลูกมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อก่อโรคในปากได้ เช่น Streptococcus mutants และสามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย เช่น Actinomyces viscosus และ Porphyromonas gingivalis ที่เป็นสาเหตุให้เยื่อหุ้มฟันอักเสบ และพบว่ายังต้านเชื้อ Candida albicans และ Lactobacillus species ได้อีกด้วย
ว่านชักมดลูกเหมาะที่จะนำไปใช้ในยาสีฟัน หมากฝรั่ง น้ำยาบ้วนปาก น้ำยาดับกลิ่นปาก นอกจากนี้ยังนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณอีกด้วย และยังนิยมนำว่านชักมดลูกมาใช้ในการรักษาโรคริดสีดวงทวาร อาการคันผิวหนัง แผลติดเชื้อและโรคผิวหนัง

ภาพที่ 3 ลักษณะของว่านชักมดลูกที่หั่นเป็นชิ้นๆ ภาพที่ 4 โครงสร้างทางเคมีของ xanthorrhizol
3. Usnea Lichen
ไลเคนมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของทวีปยุโรป เอเชียและอเมริกา เป็นลักษณะของสิ่งมีชีวิตสองชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน ได้แก่ สาหร่ายสีเขียวและรา โดยจะอาศัยอยู่ตามเปลือกไม้ หิน ดิน เป็นต้น Usnea barbata มีลักษณะเป็นเส้นฝอยๆ ยาวๆ มีความยาวประมาณ 1 เมตร ลักษณะดังภาพที่ 5

ภาพที่ 5 ลักษณะของ Usnea
ในอดีตได้มีการบันทึกไว้ว่า Usnea ได้ถูกนำไปใช้ทางการแพทย์มาเป็นเวลากว่า 1000 ปีมาแล้ว โดย Usnea barbata สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์และนำไปรักษาแผลที่ติดเชื้อได้อีกด้วย ต่อมาได้พัฒนาให้สามารถนำไปลดการอักเสบภายในปากและใช้สำหรับฆ่าเชื้อในท่อทางเดินหายใจ ท่อปัสสาวะในกรณีที่ไตติดเชื้อและรักษาโรคหนองใน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ บรรเทาปวด ลดไข้ได้อีกด้วย
Usnea barbata เป็นพืชสมุนไพรที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้ โดยจะไม่มีผลข้างเคียงกับยาตัวอื่นและมีความปลอดภัยกับเด็กและสัตว์ สามารถป้องกันการติดเชื้อจาก Strep และ Staph และมีคุณสมบัติในการต้านการเจริญของจุลินทรีย์ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจและปัสสาวะ ใช้ในการรักษาการติดเชื้อในทางเดินหายใจและไซนัส โรคหลอดลมอักเสบ โรปอดบวม คอติดเชื้อ เป็นไข้ การติดเชื้อของท่อปัสสาวะ ไตและกระเพาะปัสสาวะ (Godino, J., 2010)
สารสกัดจาก Usnea มีคุณสมบัติในการต้าน Propionibacterium acnes, Corynebacterium pseudodiphtericum และ yeast Pityrosporon ovale ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่มีการนำไปใช้รักษาโรคผิวหนัง เท่านั้น แต่ยังนำไปใช้ในการรักษาผิวหนังที่ไม่สะอาดและแผลกดทับได้อีกด้วย โครงสร้างทางเคมีของ Usnic acid เป็นดังภาพที่ 6 ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Usnea barbata ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก


ภาพที่ 6 สูตรโครงสร้างของ Usnic acid ในรูปของ keto และ enol
4. Hop extract
Hop extract หรือ Humulus lupulus เป็นสารสกัดที่มีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก
องค์ประกอบทางเคมี : ได้แก่ Humulones (a-acids) และ lupulones (ß-acids)
จากคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงมีการนำสารสกัดจาก Hop ไปใช้ในส่วนผสมของสบู่ เจลอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลเท้า และเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า มีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อแบคทีเรียในปาก ได้แก่ streptococci จึงมีการนำไปใช้ในน้ำยาบ้วนปาก ลักษณะโคนของ Hop เป็นดังภาพที่ 7

ภาพที่ 7 ลักษณะโคนของ Hop
5. Neem Seed oil (Mountain Rose Herbs, 2010)
สะเดา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Azadirachta indica เป็นพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย มีการนำมาใช้ในวงการแพทย์และเครื่องสำอางมาเป็นเวลากว่า 100 ปีมาแล้ว เป็นพืชที่สามารถหาได้ในประเทศไทย เนื่องจากสะเดาเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้าน รวมทั้งเป็นผักสวนครัวที่ผู้บริโภคนิยมนำมารับประทานกับน้ำพริก
องค์ประกอบทางเคมี : ได้แก่ กรดไขมัน terpenoids และ limonoids และยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากกว่า 50 ชนิด มีกลิ่นฉุน มีสีน้ำตาลเข้ม
สะเดามีการนำไปใช้ในการรักษาอาการป่วยและป้องกันเชื้อโรคต่างๆ มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ฟังไจและอื่นๆ ในอดีตพบว่า มีการนำไปใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น ไข้มาลาเรีย เบาหวาน ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ สิว โรคผิวหนัง ฯลฯ จะเห็นได้ว่า สะเดาสามารถรักษาโรคได้มากมาย จากคุณสมบัติเหล่านี้ จึงมีการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ
จากคุณสมบัติข้างต้นของพืชสมุนไพรแต่ละชนิดนั้น ทำให้ทราบสรรพคุณทางยาและการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามความเหมาะสม จะเห็นได้ว่า พืชสมุนไพรแต่ละชนิดล้วนแต่มีคุณสมบัติในการรักษาโรคและต่อต้านจุลินทรีย์ได้หลายชนิด ดังนั้น การนำสารสกัดจากพืชสมุนไพรมาทำเป็นสารกันเสียในเครื่องสำอาง จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่เหมาะสมและน่าสนับสนุนอย่างยิ่ง
นอกจากการใช้พืชสมุนไพรมาทำเป็นสารกันเสียในเครื่องสำอางแล้ว ยังมีอีกตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นสารกันเสียที่ดีและมีความปลอดภัยกับผู้บริโภคอีกด้วย ได้แก่ Herbal-ActiveTM
6. Herbal-ActiveTM (Vic Chorikoff, 2010)
Herbal-ActiveTM มีคุณสมบัติและประโยชน์ที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
คุณสมบัติของ Herbal-ActiveTM มีดังนี้
- องค์ประกอบ : เป็นน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรและเครื่องเทศที่สามารถกินได้ ซึ่งสามารถละลายได้ทั้งในแป้งและในน้ำมัน
- สถานภาพ : GRAS (Generally recognized as safe) ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญว่า มีความปลอดภัยในการนำไปใช้ในอาหารได้
- ลักษณะภายนอก : ลักษณะสีเขียวซีดในครีมสีขาว
- กลิ่น : มีกลิ่นของสมุนไพรบางๆ
สำหรับประโยชน์ของ Herbal-ActiveTM มีดังนี้
• มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมใน pH ที่เป็นธรรมชาติ
• มีประสิทธิภาพสูงในการต้านเชื้อยีสต์ แบคทีเรีย ฟังไจและรา
• มีระดับที่ทำให้เกิดอาการแพ้ต่ำมาก (limonene, citral, anethole)
• สามารถเก็บได้ในบรรจุภัณฑ์ทุกชนิด เช่น แก้ว เหล็ก พลาสติก เป็นต้น
• ไม่เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพทางลบและอื่นๆ อีกมากมาย